.

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันหยุดสุดสัปดาห์ หาเรื่องชิลๆเที่ยวต่างจังหวัดดีกว่า....อยากไปไหว้พระและกินอาหารอร่อยๆ แล้วอยากพาลูกชายตัวน้อย ไปดูช้างๆๆๆตัวจริงด้วย หลังจากให้ดูแต่ในหนังสือนิทานมานานแล้ว เลยเลือกไปอยุธยา....เมืองเก่าของเราแต่ก่อน มีครบทุกอย่างที่อยากไป และเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อไปวัดมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในอยุธยาเลยค่ะ มีพระประธานคือ หลวงพ่อมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยาและเป็นที่เคารพสักการะมานานนับร้อยๆปีค่ะ



ก่อนอื่นเราต้องจุดธูปเทียนไหว้พระปิดทองด้านนอกพระอุโบสถนะคะ มีประชาชนมาสักการะหลวงพ่อมงคลบพิตรอย่างไม่ขาดสายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเลยค่ะ


เมื่อเข้าไปในพระอุโบสถ ก็ได้ทำบุญถวายผ้าห่มองค์พระประธาน และมีวัตถุมงคลให้เช่าบูชาด้วยค่ะ 


และได้มีโอกาสไปเที่ยวที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ที่อยู่ติดกันต่อเลย วัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดสำคัญที่สร้างในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) เป็นพระอารามหลวงประจำพระบรมมหาราชวังในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในพระราชวังหลวงเทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัยค่ะ ถ้าจะเข้าไปภายในบริเวณวัด จะต้องเสียค่าเข้าชมด้วยนะคะ คนไทยคิดคนละ 10 บาท ชาวต่างชาติคนละ 30 บาทค่ะ เข้าไปจะพบเจดีย์พระศรีสรรเพชญดาญาณ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามค่ะ




อีกมุมหนึ่งทางด้านข้างค่ะ


จากนั้นเดินมาตามทางรอบๆ จะพบกับวิหารราย ซึ่งในสมัยก่อนจะนำพระพุทธรูปมาประดิษฐานอยู่รอบๆค่ะ


สนุกสุขสันต์ ไหว้พระเที่ยวเมืองเก่า


แต่ว่านึกแล้วก็น่าใจหาย เห็นแต่ซากปรักหักพังที่เหลือไว้เป็นโบราณวัตถุ ทำให้คิดว่าลองจินตนาการดูซิ ถ้ายังเป็นวัดที่สมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยทองคำอร่ามตานั้น จะเป็นอย่างไร ต้องสวยงามมากๆแน่นอน :)

สถานที่ของวัดมงคลบพิตรและวัดศรีสรรเพชญ์อยู่ติดกันเลยนะคะ ทำให้เดินทางไปที่เดียว แต่เที่ยวได้ 2 สถานที่ในอยุธยาเลยค่ะ


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น


จากนั้นก็ถึงชั่วโมงความสนุกของเด็กๆบ้างแล้ว พาไปเที่ยวปางช้างที่อยู่ใกล้ เพื่อให้ลูกชายตัวน้อยได้เห็นช้างตัวเป็นๆค่ะ


มีกล้วย อ้อย ขายให้นักท่องเที่ยวให้อาหารช้าง ถุงละ 10-20 บาทค่ะ


ลูกชายตัวน้อยมองใหญ่เลยค่ะ คงคิดว่า นี่หรือช้าง elephant ที่แม่เคยบอก เขามองด้วยความสนใจ และไม่ตื่นกลัวเลยค่ะ :)

ถ้าจะถ่ายรูปกับลูกช้างน้อยก็ได้นะคะ คิดเงิน 40 บาท/ช้างแอ็คชั่น 2 ท่านะคะ



สนุกสนานกันมาเต็มที่ เริ่มหิวกันแล้วค่ะ วันนี้เราจะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารแพเทวราชนะคะ ถามคนเจ้าถิ่นเมืองอยุธยา เขาบอกว่า แนะนำร้านแพกรุงเก่าและร้านแพเทวราช พวกเราเคยได้ลองไปกินอาหารที่ร้านแพกรุงเก่าแล้ว คราวนี้เราจึงเลือกร้านแพเทวราช เพราะอยากลองของใหม่...ไม่รู้ว่ารสชาติอาหารจะเป็นอย่างไรบ้างนะ งั้นรีบไปกันเลยค่ะ เส้นทางการเดินทางไปร้านอาหารแพเทวราชข้ามสะพานสมเด็จพระนเรศวร จะเห็นโรงแรมกรุงศรีริเวอร์ ตรงเข้าไปถนนนั้น ร้านแพเทวราชจะอยู่ซ้ายมือ ติดกับโรงแรมอโยธยาริเวอร์ไซด์อีกทีค่ะ






เป็นร้านอาหารบรรยากาศริมแม่น้ำป่าสักค่ะ ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด มองเห็นวิวสะพานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และวัดพิชัยสงครามค่ะ

มีเรือแล่นไปมา

มีปลาเสือให้ดูด้วยค่ะ เคยเห็นกันหรือเปล่าคะ :)


พนักงานเสริฟสาวสวยพร้อมให้บริการในชุดเครื่องแต่งกายแบบไทยๆค่ะ 



ได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว ขอสั่งอาหารก่อนนะคะ สั่งมาเต็มที่เลย หิวแล้วจ้า อาหารน่ากินมากค่ะ เริ่มกันที่ต้มยำกุ้งแม่น้ำมะพร้าวอ่อน รสชาติกลมกล่อม กุ้งตัวโต๊โต มะพร้าวอ๊อนอ่อน


ยำกุ้งคะน้า รสแซ่บ กินแกล้มกับไข่ต้มเข้ากั๊นเข้ากัน


หมูมะนาว รสชาติจี๊ดจ๊าดถึงใจ 


ปลากะพงทอดน้ำปลาค่ะ เนื้อกรอบนอกนุ่มใน มียำมะม่วงมาให้เป็นเครื่องเคียงด้วยค่ะ




ตบท้ายด้วยน้ำแข็งใส ขนมหวานชื่นใจถ้วยใหญ่มาก แถมใส่เยลลี่มาให้เพียบเลย จะสั่งมากินกันคนละถ้วย แต่น้องสาวเสริฟบอกว่าถ้วยใหญ่มากค่ะ เราเลยลองสั่งมาถ้วยเดียวก่อน โอ้โห ถ้วยใหญ่จริงๆ ถ้วยเดียวกินได้ 3 คนเลย ha ha ha

 

กินจนพุงกาง อาหารรสชาติดีอร่อยมากๆ สรุปค่าอาหารมื้อนี้คิดแล้วคนละ 300 บาทเอง ว้าวๆถูกมากมายค่ะ

เป็นอีกหนึ่งวันของการเที่ยวสุขสันต์กับครอบครัวด้วยการไหว้พระอิ่มอกอิ่มใจ อิ่มกายอิ่มท้องในดินแดนอยุธยา...เมืองเก่าของเราแต่ก่อน สถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลกรุงเทพฯ ค่ะ




1 ความคิดเห็น:

supermAn กล่าวว่า...

น่าไปเที่ยวมากเลยครับ

แสดงความคิดเห็น